1.
แหล่งข้อมูลการสืบค้นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
หลักการค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ในการทำงานต่างๆ เช่น
นักศึกษาทำการบ้านหรือทำรายงานส่งอาจารย์
หรือพนักงานบริษัทเตรียมการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ มักจะต้องมีการหาข้อมูลประกอบการทำงานนั้นๆ
บางครั้งข้อมูลอาจเป็นเพียงข้อมูลง่ายๆ เช่น ราคาสินค้า
อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น แต่บางครั้งอาจเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ต้องมีการวิเคราะห์
เช่น แนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วง 1-2 ปี ซึ่งต้องมีการพิจารณาปัจจัยต่างๆ
รวมถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดหรือไม่เกิดในอนาคตประกอบด้วย ดังนั้นคำว่า
ข้อมูลความรู้ในที่นี้
จะรวมหมายถึงตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐาน
และข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลและ/หรือจัดหมวดหมู่ แล้วซึ่งเรียกว่า สารสนเทศ
ตลอดจนถึงข้อมูลเชิงลึกที่มีการวิเคราะห์ซึ่งควรจะเรียกได้ว่าความรู้ทั้ง
หมดนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถค้นหาได้จากเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ต่อไปนี้เราจะใช้คำว่าข้อมูลในความหมายกว้างที่รวมทั้งข้อมูล สารสนเทศ
และความรู้ด้วย
หลักการค้นหาข้อมูลมีดังต่อไปนี้
1. ต้องมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับข้อมูลที่ต้องการ
คือ
1.1)
รู้ว่าข้อมูลที่ต้องการนั้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอะไร
1.2)
รู้ว่าแหล่งข้อมูลที่มีข้อมูลนั้น น่าจะเป็นหน่วยงานใด
1.3)
รู้ว่าสำคัญที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้น
มีอะไรบ้าง
2. ต้องรู้จักวิธีเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ
3. ต้องรู้จักวิธีใช้โปรแกรมสืบค้นข้อมูล หรือ
เซิร์จเอ็นจิน (Search engine)
4. ต้องรู้จักใช้ดุลพินิจว่า
4.1) ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่ตรงกับความต้องการหรือไม่
4.2) ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือไม่
การค้นหาข้อมูล
1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบต่าง ๆ และข้อมูลที่มีอยู่ในเครือข่าย
นักศึกษาได้รู้จักคำว่า “เครือข่าย” และได้ทราบว่าระบบโทรศัพท์เป็นเครือข่ายสื่อสารอีกชนิดหนึ่ง
คอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องที่นำมาต่อเชื่อมกันสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้เป็นเครือข่าย
อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์มีบทบาทในฐานะเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย
และมีประสิทธิภาพ
เมื่อผนวกกับความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
ดังตัวอย่างที่นักศึกษาได้ศึกษา เครือข่ายคอมพิวเตอร์จึงกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
จึงสามารถค้นหาข้อมูลเกือบทุกอย่างที่ต้องการใช้ในการทำงานจากเครือข่าย
คอมพิวเตอร์
เครือ
ข่ายคอมพิวเตอร์ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
เป็นเครือข่ายประเภทต่าง ๆ
ที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ของการจัดเก็บและแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรง
1.1 อินทราเน็ต (Intranet)
เป็น เครือข่ายภายสำหรับองค์กรหนึ่ง ๆ
ข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร
หรือข้อมูลเพื่อการใช้ประโยชน์ขององค์กร
คอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมกับเครือข่ายอาจอยู่ภายในตึกเดียวกัน หรือกระจายกันอยู่ทั่วประเทศหรือทั่วโลกก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรนั้นมี
ขนาดเล็กหรือใหญ่
มีสาขามากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างอินทราเน็ตขนาดใหญ่ เช่น อินทราเน็ตของบริษัท โตโยต้า
จำกัดซึ่งมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก
อินทราเน็ตประเภทนี้จะทำให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก สามารถดูแลการดำเนินธุรกิจของสาขาต่าง ๆ
ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
1.2 เอกซ์ทราเน็ต (Extranet)
เป็น เครือข่ายภายในสำหรับองค์กรเช่นเดียวกับอินทราเน็ต
แต่เปิดให้สมาชิกภายนอกที่ได้รับอนุญาตต่อเชื่อมกับเครือข่ายได้ด้วย
ตัวอย่างเครือข่ายแบบนี้ ได้แก่
เครือข่ายของบริษัท
ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด ที่มีร้านค้าวัสดุก่อสร้างต่างๆ
เป็นสมาชิกของเครือข่ายด้วย
เพื่อให้ร้านค้าเหล่านี้สามารถติดต่อสั่งซื้อสินค้าและรับบริการอื่นๆ จากบริษัทโดยสื่อสารผ่านเครือข่ายนี้
ปัจจุบันนี้เครือข่ายเอกซ์ทราเน็ตได้ถูกนำมาใช้อย่างมากในการจัดการสินค้าคงคลัง
(Inventory
management) สำหรับแหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ประเภท “ห้างลดราคา”
(Discount Store) หรือ ซูปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ที่มีสาขามาก
แหล่งจำหน่ายสินค้าประเภทนี้จะมีเครือข่ายเอกซ์ทราเน็ตซึ่งบริษัทผู้ผลิต
หรือผู้ขายส่งสินค้ารายใหญ่
เป็นสมาชิกของเครือข่าย
ข้อมูลสินค้าคงคลังจะเชื่อมโยนกับระบบการคิดเงินด้วยเครื่องอ่านรหัสแท่ง (Barcode) และการตัดสต๊อกโดยอัตโนมัติ
เมื่อสินค้ารายการใดลดลงถึงระบบที่จะต้องสั่งเพิ่มแล้ว
ข้อมูลจะถูกส่งไปแจ้งบริษัทผู้ผลิตหรือขายส่งสินค้านั้นโดยอัตโนมัติ บริษัทนั้นก็จะนำสินค้ามาส่งได้ทันการ หากไม่มีระบบอัตโนมัติที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศแล้ว
การบริหารสินค้าคงคลังจะต้องใช้คนจำนวนมากและมีอัตราผิดพลาดสูง ในโรงงานอุสาหกรรมขนาดใหญ่ก็เช่นเดียวกัน
การสั่งซื้อชิ้นส่วนที่นำมาประกอบรถยนต์หรือเครื่องรับโทรทัศน์ ก็ใช้วิธีบริหารสินค้าคลังผ่านระบบเอ็กซ์ทราเน็ตเช่นเดียวกัน ในบางกรณีบริหารสินค้าคงคลังสามารถทำได้ด้วยประสิทธิภาพสูงมาก จนไม่ต้องมีคลังเก็บสินค้า(โกดัง) สำหรับตุนชิ้นส่วนเผื่อไว้ใช้ แต่ชิ้นส่วนต่าง ๆ จะถูกส่งมาถึงโรงงานก่อนขณะที่ต้องการใช้เพียงเล็กน้อย วิธีการบริหารการผลิตแบบนี้ เรียกว่า
ระบบทำเวลาพอดี (Just-in-time system)
1.3 อินเทอร์เน็ต (Internet)
ทั้งอินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต
เป็นเครือข่ายส่วนบุคคลเนื่องจากมีเจ้าของและเจ้าของเป็นผู้กำหนดว่าใครบ้าง
สามารถเป็นสมาชิกของเครือข่ายได้ (Private network) แต่
อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีเจ้าของ
ทุกคนที่อยากต่อเชื่อมกับเครือข่ายสามารถต่อเชื่อมได้
เพียงแต่ปฏิบัติตามกติกาซึ่งมีคณะกรรมการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศเป็นผู้
กำหนด
อินเทอร์เน็ตจำเป็นแหล่งข้อมูลเปิดแหล่งใหญ่ที่สุดของโลกที่มีข้อมูลสารพัด
ชนิด ทั้งที่มีประโยชน์ เช่น ข่าวสาร
และสารความรู้ต่าง ๆ และสิ่งที่เป็นพิษและเป็นภัย เช่น
ภาพลามกอนาจารและข้อมูลกรรมวิถีการผลิตอาวุธร้ายแรงหรือยาเสพติด เป็นต้น
ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตบ้างส่วนให้เปล่า บ้างส่วนเสียค่าสมาชิกถึงจะเข้าได้
นอกจากนี้อินเทอร์เน็ตปัจจุบันยังเป็นแหล่งซื้อขายสินและบริการ ซึ่งมีทั้งขายปลีกขายส่งและการประมูล การค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น
เรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1.4
รูปแบบของข้อมูลในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวแล้ว
เป็นเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ต่างกัน ดังนั้น
รูปแบบของการนำเสนอของข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจึงอาจแตกต่างกันได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของอินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต
ซึ่งผู้ใช้บริการเป็นสมาชิกในวงปิดอาจใช้รูปแบบและวิธีการของตัวเอง
แต่ในกรณีเป็นเครือข่ายสาธารณะจะต้องใช้รูปแบบและวิธีการที่เป็นมาตรฐานสากล
สำหรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตปัจจุบัน
รูปแบบการนำเสนอข้อมูลและวิธีการเปลี่ยนข้อมูลที่แพร่หลายมากจนกลายเป็น
มาตรฐานไปแล้วคือรูปของ WWW ซึ่งมีอิทธิพลสูงมาก
ทำให้เครือข่ายเกือบทุกประเภทเปลี่ยนมาใช้ตามเป็นส่วนใหญ่
เนื่องจากผู้ใช้มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว
องค์ประกอบสวยค่ะ
ตอบลบเนื้อหาอ่านง่าย เนื้อหาครบ
ตอบลบ