ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
1.ระบบและวิธีการเชิงระบบ
การทำงานใดๆให้ประสบผลสำเร็จบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นย่อมเกิดจากพื้นฐานวิธีการที่มีลำดับและขั้นตอนชัดเจนสามารถปฏิบัติซ้ำๆได้ถูกต้องและสมเหตุสมผลเราเรียกกระบวนการและขั้นตอนนั้นว่า
”ระบบ”
ระบบ ( system ) หมายถึง
การทำงานขององค์ประกอบย่อยๆอย่างอิสระแต่มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันจนกลายมาเป็นโครงสร้างสมบูรณ์สามารถตรวจสอบสอบ
ปรับปรุงแก้ไขได้ทุกขั้นตอน ระบบจึงเป็นหัวใจสำคัญของงาน วิธีการเชิงระบบ ( System
Approach) หมายถึง
เป็นกระบวนการคิดหรือการทำงานอย่างมีแบบแผนชัดเจนในการนำเสนอเนื้อหาความรู้ด้านต่างๆอาจจะเป็นวิธีหรือผลผลิตมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นขั้นตอน
องค์ประกอบของวิธีระบบ
องค์ประกอบของวิธีระบบ
วิธีระบบองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1. ปัจจัยนำเข้า (Input)
2. กระบวนการ (process)
3. ผลลัพธ์ (Output)
2.ระบบสารสนเทศ
2.ระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ (Information System) คือ
การประมวลผลข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นกระบวนการเพื่อให้ข้อมูลในรูปแบบข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างสูงสุดสามารถนำมาใช้สนับสนุนการบริหารและการตัดสินใจ
ระดับปฏิบัติการ ระดับกลาง และระดับสูง
และระบบสารสนเทศจึงเป็นระบบที่จัดตั้งขึ้นเพื่อปฏิบัติเกี่ยวกับข้อมูล
ดังต่อไปนี้
1.รวบรวมข้อมูลทั้งภายในภายนอก 2. จัดกระทำข้อมูลเพื่อให้เป็นสารสนเทศที่พร้อมจะใช้ประโยชน์
1.รวบรวมข้อมูลทั้งภายในภายนอก 2. จัดกระทำข้อมูลเพื่อให้เป็นสารสนเทศที่พร้อมจะใช้ประโยชน์
3. จัดให้เป็นระบบเก็บเป็นหมวดหมู่เพื่อสะดวกในการค้นหา
3.องค์ประกอบของระบบสารสนเทศจำแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่ องค์ประกอบหลัก และองค์ประกอบด้านต่างๆ
3.องค์ประกอบของระบบสารสนเทศจำแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่ องค์ประกอบหลัก และองค์ประกอบด้านต่างๆ
3.1
องค์ประกอบหลักของระบบสารสนเทศมีองค์ประกอบ 2
ส่วน ได้แก่
1.
ระบบการคิด หมายถึง
กระบวนการและขั้นตอน ในการจัดลำดับ
จำแนก แจกแจง และจัดหมวดหมู่เพื่อ
ความสะดวกในการจัดเก็บและเผยแพร่
2. ระบบเครื่องมือ หมายถึง
วัสดุอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่นำมาใช้ในการรวบรวม จัดเก็บ
และเผยแพร่สารสนเทศได้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการจัดการสารสนเทศที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากสารสนเทศ
เป็นวิธีการหรือกระบวนการในการจักการข้อมูลที่เกี่ยวของกับงานต่างๆดั้งนั้นองค์ประกอบของสารสนเทศของแต่ละงานแต่ละด้านจึงแตกต่างกัน
ดังนี้
3.2.1
องค์ประกอบของสารสนเทศด้านจุดมุ่งหมาย
ในการแก้ปัญหามี 4 ประการ ได้แก่
• ข้อมูล (Data)
• สารสนเทศ (Information)
• ความรู้ (Knowledge)
• ปัญญา (Wisdom)
3.2.2องค์ประกอบของสารสนเทศด้านขั้นตอนในการดำเนินงานมี 3 ประเภท คือ
• ข้อมูลนำเข้า (Input)
• กระบวนการ (Process)
• ผลลัพธ์ (Output)
3.2.3 องค์ประกอบของสานสนเทศในหน่วยงานได้แก่ บุคคลหรือองค์กร เทคโนโลยี
ข้อมูลและระบบสารสนเทศ
3.2.4 องค์ประกอบของสารสนเทศทั่วไป (Information
process Systems) ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ดังนี้
• เครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายสื่อสารข้อมูล(hardware) • ข้อมูล (Data)
• สารสนเทศ (Information)
• สารสนเทศ (Information)
• โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ (software)
• บุคลากรด้านคอมพิวเตอร์ (people ware)
4.ขั้นตอนการจัดระบบสารสนเทศ
การจัดระบบสารสนเทศเป็นการกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานและการแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงานสารสนเทศโดยรวบรวมและวิเคราะห์ปัญหา
ข้อมูล วิธีการ ทรัพยากร เพื่อการแก้ไขปัญหาและประเมินผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธ์ภาพสูงขึ้น
ประกอบ 4ขั้นตอน
ดังนี้
ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ระบบ (system Analysis)วิธีการวิเคราะห์ระบบ
สารสนเทศ แบ่งออกเป็น 4หน่วยย่อยคือ
1. วิเคราะห์แนวทางการปฏิบัติงาน (Mission Analysis)
2. วิเคราะห์หน้าที่ (functional Analysis )
3. วิเคราะห์งาน (Task
Analysis)
4. วิเคราะห์วิธีการและสื่อ (Method-Means Analysis)
ขั้นที่2
การสังเคราะห์ระบบ (System Synthesis )
ให้มีความสมดุลในการแก้ปัญหาซึ่งมีขั้นตอนย่อยดังนี้
1. การเลือกวิธีหรือกลวิธีเพื่อหาช่องทางไปสู่จุดมุ่งหมาย
2. ดำเนินการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
3. ประเมินผลประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ขั้นที่2การสร้างแบบจำลอง(Construct a
Model)
แบบจำลองเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดออกมาเป็นภาพที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนสามารถตรวจสอบหรือทำนายผลที่จะเกิดขึ้นก่อนที่จำนำระบบไปใช้ได้จริงระบบทำงานมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
แต่อาจจะมีแบบจำลองระบบไม่เหมือนกัน
5.ประเภทของระบบสารสนเทศ
จำแนกสารสนเทศตามจำนวนคนที่เกี่ยวข้องในองค์กร แบ่งได้ 3 ระดับ คือระบบสารสนเทศ ระดับบุคคล
ระบบสารสนเทศระดับกลุ่มและระบบสารสนเทศระดับองค์กร
1. ระบบสารสนเทศระดับบุคคล
2. ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม
3. ระบบสารสนเทศระดับองค์กร
6.ข้อมูลและสารสนเทศ
การทำงานใดๆที่ได้ผลดีจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุมและตรงประเด็นประกอบการตัดสินใจในการเลือกวัตถุดิบ
เนื้อหาสาระ บุคลากร และวิธีปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
6.1 ข้อมูล (Data) หมายถึงข้อเท็จจริงที่ปรากฏให้เห็นเป็น
ประจักษ์สามารถรับรู้ได้จากประสาทสัมผัสทั้งห้าทั้งที่สารถนับ
ได้และนับไม่ได้
ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมนุษย์สร้าง
ขึ้นอาจจะอยู่ในรูปของ รูปภาพ แสง สี เสียง รส
ข้อมูลดิบ(Raw data)
หมายถึง วัตถุ สิ่งของ สถานการณ์
ที่มีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติอยู่ในสภาพเดิม
การตีความข้อมูลดิบเกิดจากพฤติกรรมการรับรู้การเรียนรู้ประสบการณ์ในการสังเกต
การวัด การนับ การสัมผัสจับต้องจนสามรถระบุได้ชัดเจนว่าข้อมูลนั้นมีคุณสมบัติเป็นอย่างไร
มีชื่อเรียกว่าอะไร
6.2สารสนเทศ(informational)สารสนเทศ หมายถึง
ข้อมูลที่ผ่านการกลั่นกรองโดยการจำแนกแจกแจง จัดหมวดหมู่ การคำนวณ
และประมวลผลแล้วสามรถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิ์ภาพต่อไปได้
6.2.1คุณสมบัติของข้อมูลสารสนเทศที่ดี
ข้อมูลสารสนเทศที่ดีจะคุณสมบัติดังนี้
1. ความถูกต้อง (accurate)
2. ทันเวลา (timeliness)
3. สอดคล้องกับงาน (relevance)
4. สามารถตรวจสอบได้ (verifiable)
5. มีความสมบูรณ์ครบถ้วน (integrity)
6.2.2ชนิดของข้อมูล
ข้อมูลมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับเกณฑ์ในการจำแนก
ในที่นี้จำแนกข้อมูลตามลักษณะการจัดเก็บซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ
1. ข้อมูลที่เป็นตัวเลข (Numeric type)
2. ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ (Character type)
3. ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรเลข (Alphanumeric type)
4. ข้อมูลมัลติมีเดีย (multimedia)
6.3 ความรู้ (Knowledge) ความรู้เป็นสภาวะทางสติปัญญาของมนุษย์ในการตีความสิ่งเร้าทั้งที่อยู่ภายในและภายนอกด้วยความเข้าใจของสาระเนื้อหา
กระบวนการ และขั้นตอน อาจอยู่ในรูปแบบของข้อมูลดิบหรือสารสนเทศในระบบต่างๆหรืออาจอยู่ในรูปแบบอารมณ์ความรู้สึกและเหตุผล
6.4
การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศมีวิธีการจัดการดังนี้
6.4.1 ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูล (Data processing steps)
การที่เราจะหาข้อมูลที่ดีได้ต้องมีการประมวลผลตามขั้นตอนต่างๆที่เหมาะสมดังนี้
1. การรวบรวมข้อมูล (Data collection )หมายถึง การเก็บข้อมูลจำนวนมากจากแหล่งกำเนิด(capturing)
มาทำ การเข้ารหัส (Coding) ในรูปที่เหมาะสมต่อ การจัดเก็บ
และ การบันทึก (recording)
2. การบำรุงรักษาและ
ประมวลผลข้อมูล (Data collection) หมายถึง
กระบวนการเก็บรักษาข้อมูลไว้ให้ใช้ได้ตลอดไปซึ่งประกอบด้วยการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา
(updating) ทำการแยก(classifying) จัดเรียงข้อมูล
(sorting)
3. การจัดการข้อมูล (Data
Management)คือ การสร้างระบบจัดการข้อมูลจำนวนมากให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วทันเวลา
4. การควบคุมข้อมูล (Data Control) เป็นการป้องกันรักษาข้อมูลที่จัดเก็บไว้แล้วให้ปลอดภัย
ไม่ให้ข้อมูลที่มีค่าถูกขโมยไปใช้งานอย่างมาถูกต้อง
5. การสร้างสารสนเทศ (information Generation)เป็นการตีความหมายข้อมูลที่ได้มาแล้ว
ค้นหาความหมายหรือความสำคัญคุณค่าของข้อมูลได้โดยการนำไปประมวลผลเช่น การคำนวณ
การเรียงข้อมูล การค้นหาและการแยกประเภท
6.4.2 วิธีการจัดเก็บข้อมูล (Data
collection Methods)
ข้อมูลอาจเกิดขึ้นได้เองหรือเกิดจากการทดลอง
การสร้าง และการประมวลผลก็ได้ วิธีการเก็บข้อมูลสมารถทำได้หลายวิธี เช่น
การสำรวจด้วยแบบสอบถาม การนับจำนวน โดยใช้ อุปกรณ์อัตโนมัติ
ในการเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อาจ ต้องมีเครื่องมือวัดพิเศษเข้าช่วยเช่น
เครื่องวัดความเข็มของแสง เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดอุณหภูมิ
เครื่องวัดความชื้น
เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายสื่อสารข้อมูลหมายถึง
คอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องประมวลผลข้อมูลซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1. สถานีงาน (workstation)หมายถึงคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน
ณ ที่ตัดไว้ให้ผู้ใช้ร่วมกันหรือจัดไว้ให้ผู้ใช้มาใช้ร่วมกัน
2. เครื่องบริการ (Server) เป็นเครื่องขนาดใหญ่ที่ใช้ร่วมกันหลายเป็นเครื่องที่ใช้เก็บฐานข้อมูลหรือโปรแกรมสำเร็จประยุกต์สั่งงานด้วยคอมพิวเตอร์
เครือข่ายสื่อสารข้อมูล
1.แลน
( LAN = Area Network ) คือเครือข่ายบริเวณเฉพาะที่
จำกัดเขตเฉพาะภายในบริเวณอาคารหรือกลุ่มอาคารที่อยู่ใกล้กัน2. (WAN=Wide Area Network ) คือบริเวณข่ายบริเวณกว้าง ระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตรขึ้นไปจนมากกว่าหลายพันกิโลเมตร
3. อินเตอร์เน็ต (Internet) คือเครือข่ายขนาดใหญ่ ประกอบด้วยเครือข่ายจำนวนมากครอบคลุมพื้นที่กว้างไกล
เนื้อหาดีมาก
ตอบลบสะอาด น่ารัก
ตอบลบเนื้อหาดีมากครับ
ตอบลบ